OSI model 7 layer
OSI model 7 layer
OSI model พูดถึงก็ปวดหัว เรียนมากันตั้งแต่สมัยใหนๆ แต่มันเป็นหลักสำคัญที่เป็นพื้นฐานในการสื่อสารข้อมูล ซึ่งอาจจะไม่เหมือนกับ tcp/ip เพราะ tcp/ip ได้ถือกำเนิดขึ้นมาก่อน ใครจะไปคิดละว่า tcp/ip technology เมื่อหลายปีที่แล้วจะ อมตะดังเช่นทุกวันนี้ OSI Model หรือ Open System Interconnection เป็นรูปแบบการสื่อสารระบบเปิดที่ใช้อ้างอิงในการสื่อสารข้อมูล แล้วมันมีประโยชน์อย่างไร มันมีประโยชน์ตรงที่ เมื่อมันมีมาตราฐานกลางทำให้ผู้ออกแบบ hardware software ใช้อ้างอิงทำให้เป็นมาตราฐานเดียวกัน เวลาจะผลิต hardwareหรือ software สักตัวเพื่อรองรับระบบทำให้เราสามารถ เอายี่ห้ออื่นๆมาทดแทนกันได้ในแต่ล่ะ layer เอื้อผลประโยชน์ของผู้บริโภคในการเลือกซ์ออุปกรณ์ทำให้ การสื่อสารข้อมูล มีมาตราฐานกลางโดยผู้บริโภคเลือกใช้ตามความเหมาะสมกับตัวเอง
OSI layer มี 7 layer
Application Layer ชั้นที่ user ทำการติดต่อข้อมูลโดยผ่าน software แต่ล่ะประเภท เช่น IE Firefox FTP TElnet และ network aplication อื่นๆที่เขียนโปรแกรมขึ้นมาเอง
Presentation Layer เป็นชั้นของ format ข้อมูล ว่าเป็นชนิดใหนเช่น jpg gif html Session Layer เป็นการเชื่อมต่อข้อมูล และหยุดการติดต่อของข้อมูล เปรียบเสมือนเป็นท่อที่ใช้เชื่อมต่อกันว่าพร้อมที่จะส่งข้อมูลและพร้อมที่จะหยุดรับข้อมูล
Transport Layer เป็นรูปแบบวิธีการส่งข้อมูลแบบต่างๆ ว่าต้องการส่งแบบรวดเร็ว ส่งแบบมีผลตอบรับว่าได้ข้อมูลแน่นอน เช่น TCP,UDP
Network Layer เป็นการเลือกเส้นทางที่จะส่งข้อมูล และวิธีการที่จะหาจุดปลายทางที่จะส่งข้อมูล เช่น routing protocol แต่ละประเภท ข้อมูล ip
Data Link Layer หลังจากเลือเส้นทางที่จะส่งเราต้องรู้ว่าจะส่งด้วยตัวตัวส่งผ่านแบบใหน เช่น Ethernet Framerelay
Physical layer เป็นชั้น physical ที่ข้อมูลทำการวิ่งผ่านว่าผ่านโดยตัวกลางแบบใด เช่น สาย UTP สาย fiber
ในการเชื่อมต่อระหว่าง source และ destination ที่ต้องผ่านหลายๆ hop เราจะใช้เพียงแค่ 3 layer ล่างเท่านั้น ในการติดต่อสื่อสารช่วงhopกลางๆ ยกเว้น hop แรกที่เป็น source และ hop สุดท้ายที่เป็น Destinationที่ต้องใช้ทั้ง 7 layer
Application-------------------------------------------------------------->Application
Presentation------------------------------------------------------------->Presentation
Session------------------------------------------------------------------->Session
Transport---------------------------------------------------------------->Transport
network------>network--------->network------->network x-------->network
Datalink------>Datalink-------->Datalink------>Datalink x-------->Datalink
Physical------>Physical-------->Physical------->Physical x-------->Physical
Source ------->Hop1 ----------->Hop2 ----------> Hop x ----------->Destination
OSI layer มี 7 layer
Application Layer ชั้นที่ user ทำการติดต่อข้อมูลโดยผ่าน software แต่ล่ะประเภท เช่น IE Firefox FTP TElnet และ network aplication อื่นๆที่เขียนโปรแกรมขึ้นมาเอง
Presentation Layer เป็นชั้นของ format ข้อมูล ว่าเป็นชนิดใหนเช่น jpg gif html Session Layer เป็นการเชื่อมต่อข้อมูล และหยุดการติดต่อของข้อมูล เปรียบเสมือนเป็นท่อที่ใช้เชื่อมต่อกันว่าพร้อมที่จะส่งข้อมูลและพร้อมที่จะหยุดรับข้อมูล
Transport Layer เป็นรูปแบบวิธีการส่งข้อมูลแบบต่างๆ ว่าต้องการส่งแบบรวดเร็ว ส่งแบบมีผลตอบรับว่าได้ข้อมูลแน่นอน เช่น TCP,UDP
Network Layer เป็นการเลือกเส้นทางที่จะส่งข้อมูล และวิธีการที่จะหาจุดปลายทางที่จะส่งข้อมูล เช่น routing protocol แต่ละประเภท ข้อมูล ip
Data Link Layer หลังจากเลือเส้นทางที่จะส่งเราต้องรู้ว่าจะส่งด้วยตัวตัวส่งผ่านแบบใหน เช่น Ethernet Framerelay
Physical layer เป็นชั้น physical ที่ข้อมูลทำการวิ่งผ่านว่าผ่านโดยตัวกลางแบบใด เช่น สาย UTP สาย fiber
ในการเชื่อมต่อระหว่าง source และ destination ที่ต้องผ่านหลายๆ hop เราจะใช้เพียงแค่ 3 layer ล่างเท่านั้น ในการติดต่อสื่อสารช่วงhopกลางๆ ยกเว้น hop แรกที่เป็น source และ hop สุดท้ายที่เป็น Destinationที่ต้องใช้ทั้ง 7 layer
Application-------------------------------------------------------------->Application
Presentation------------------------------------------------------------->Presentation
Session------------------------------------------------------------------->Session
Transport---------------------------------------------------------------->Transport
network------>network--------->network------->network x-------->network
Datalink------>Datalink-------->Datalink------>Datalink x-------->Datalink
Physical------>Physical-------->Physical------->Physical x-------->Physical
Source ------->Hop1 ----------->Hop2 ----------> Hop x ----------->Destination
*** หมายเหตุ เป็นบทความเก่า จากเวบ version เดิม ตั้งแต่ 2008 เนื้อหาอาจจะเก่าไปบ้าง ***